ชวนปลูก “ต้นขาไก่” พืชเศรษฐกิจน่าสนใจ ปลูกไม่ยาก ราคาดี กิโลกรัมละ 100 บาท


แม้จะเป็นคนชอบกินผักและเดินสายไปทำข่าวตามจังหวัดต่างๆ มาหลายปี แต่เพิ่งได้ยินชื่อ “ต้นขาไก่” เมื่อไม่นานมานี้ จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ข่าวสด ซึ่งทาง คุณประสิทธิ์ ทองขาว เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง กำลังสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าส่งเสริม แทนที่จะปลูกกันไว้บริโภคเองภายในครัวเรือนเท่านั้น

 ราคาดีกว่าผักเหมียง

ด้วยความที่ว่า “ขาไก่” เป็นผักที่มีรสชาติอร่อยและปลูกไม่ยาก ที่สำคัญได้ราคาดี ตกกิโลกรัมละ 100 บาท เทียบกันแล้วได้ราคาดีกว่าผักเหมียง ที่มีราคาแค่กิโลกรัมละ 50-60 บาท
ฟังแค่นี้น่าจะเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้เกษตรกรและคนทั่วไปสนใจอยากจะปลูกต้นขาไก่ เพราะเห็นหนทางชัดเจนว่ามีโอกาสทำเงินได้ก้อนโตหากมีตลาดรองรับ เพียงแต่ว่าตอนนี้ผู้บริโภคยังไม่รู้จักในวงกว้างเท่านั้น ในขณะที่ต้นขาไก่เองมีคุณสมบัติเด่นหลายประการ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงมีผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะคนในภูมิภาคอื่นที่ไม่รู้จักต้นขาไก่ที่ว่านี้ เพราะเป็นพืชพื้นถิ่นของทางภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรจะปลูกแซมในสวนยางพาราและสวนผลไม้ทั่วไป ถือว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะมีคลอโรฟิลล์สูง ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงสายตา และบำรุงโลหิต
ก่อนอื่นมารู้จักต้นขาไก่กันก่อนดีกว่า คุณประสิทธิ์ แจกแจงให้ฟังว่า “ขาไก่” เป็นพืชยืนต้นที่มีลักษณะทรงพุ่มคล้ายต้นผักเหมียง ใบเหมือนกุหลาบ ชอบที่ร่ม ไม่ทนแล้ง ชอบน้ำ ถ้าไม่มีน้ำจะเฉาตาย ในการตัดแต่งนั้นไม่ควรให้สูงเกิน 1.20-1.50 เมตร เพราะจะได้ตัดยอดตัดใบอ่อนได้ง่าย
อย่างที่บอก การปลูกไม่ยาก คุณประสิทธิ์ อธิบายว่า ตอนปลูกขุดหลุมลึกแค่ 30 เซนติเมตร ก็พอ แต่ต้นไม้ทั่วไปอาจจะต้องใช้หลุมลึก 50 เซนติเมตร ให้แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 2 เมตร เผื่อให้แต่ละต้นแผ่ขยายได้ พร้อมใส่ปุ๋ยอินทรีย์ลงในหลุมปลูกไปด้วย จากนั้นสองสามเดือนก็ใส่อีกครั้ง โดยให้สังเกตว่าหากช่วงไหนออกใบออกช่อช้าหรือใบเล็กลงก็ควรใส่ปุ๋ยเข้าไปช่วย หลักสำคัญเลยคือ อย่าให้ต้นขาดน้ำ ต้องรดน้ำอยู่เป็นประจำ เพราะต้องใช้ในการสร้างใบ
สำหรับการปลูกแซมในสวนผลไม้หรือสวนยางพารานั้น เกษตรอำเภอย่านตาขาวให้ข้อมูลว่า ถ้าปลูกแซมในสวนยางพารา หากใบยางพาราที่ร่วงลงมามีปัญหาเชื้อราก็จะส่งผลต่อต้นขาไก่ด้วย จะทำให้ไม่แตกยอด
ตอนนี้มีการขายกิ่งพันธุ์กัน กิ่งละ 50-80 บาท ซึ่งเกษตรกรบางรายอาจจะบ่นว่าแพง ทางคุณประสิทธิ์เสนอว่า อาจจะซื้อไปสักกิ่งสองกิ่ง แล้วไปขยายพันธุ์เอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการตอนและการเพาะชำ แต่อยากให้ตอนดีกว่า เพราะจะได้ผล 100% จะได้กิ่งพันธุ์ที่มีรากเต็ม โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ขณะที่การเพาะชำอาจไม่ได้ผลทั้งหมด เนื่องจากรากจะน้อยกว่าการตอน
 ทีนี้มาคุยกับเกษตรกรตัวจริงเสียงจริงกันบ้าง “คุณอำไพ ตันธนาภินันท์” อยู่หมู่ที่ 1 บ้านโหละหาร ตำบลหนองบ่อ อำเภอย่านตาขาว ซึ่งนอกจากจะปลูกไว้ตัดยอด-ตัดใบอ่อนขายแล้ว ยังตอนกิ่งพันธุ์ขายได้ด้วย
คุณอำไพ เล่าว่า เริ่มปลูกต้นขาไก่เมื่อปี 2545 โดยได้พันธุ์มาจากจังหวัดนราธิวาส และขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง ตอนนี้ปลูกอยู่ประมาณ 100 ต้น โดยปลูกแซมในสวนยางพารา ซึ่งการปลูกไม่ยาก หากดูแลดีๆ ช่วง 5-6 เดือนหลังปลูกก็ตัดยอดขายได้แล้ว การบำรุงรักษาก็ไม่ยาก แค่ดายหญ้า พรวนดิน และใส่ปุ๋ยคอกเท่านั้น ไม่มีศัตรูพืชมารบกวน
ดังนั้น จึงไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆ เป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร เหมาะที่จะปลูกแซมในสวนยางพาราหรือสวนผลไม้  แต่ต้องมีน้ำรดประจำ หากรดทุกวันยิ่งดี หรือไม่ก็สองวันรดน้ำครั้งหนึ่งในช่วงหน้าแล้ง กรณีมีน้ำไม่มาก
ในหน้าฝนนั้น ต้นขาไก่จะออกยอดดี ใน 1 สัปดาห์ จะสามารถตัดยอดขายได้ 2 ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลด้วย เกษตรกรส่วนใหญ่ที่อำเภอย่านตาขาวจะปลูกไว้เพื่อกินกันเอง บ้านละ 5-6 ต้น เป็นพืชที่มีอายุยืนยาวถึง 15 ปีด้วย
ถามว่าจะขยายพื้นที่การปลูกอีกหรือไม่ คุณอำไพ บอกว่า คงไม่ขยายแล้ว เพราะที่สวนมีน้ำไม่เพียงพอ จึงปลูกเป็นพืชแซมในสวนยางพารา และเก็บขายได้ทุกสัปดาห์ เดือนๆ หนึ่งขายได้ 5,000-6,000 บาท โดยมียางพาราเป็นรายได้หลัก

 แจงดีทั้งคนปลูก-คนกิน

ส่วนกรณีที่เกษตรกรจากพื้นที่อื่นจะนำต้นขาไก่ไปปลูกเพื่อส่งขาย คุณอำไพ แนะนำว่า หากคิดจะปลูกเพื่อทำการค้าอย่างจริงจัง คงต้องลงทุนแจกให้กินกันก่อนในตอนแรกๆ เพราะที่นี่ตอนที่เริ่มปลูกใหม่ๆ ก็ไม่มีคนกินเป็นเลย
“ต่อไปถ้าหาตลาดได้ เชื่อว่าต้นขาไก่เป็นพืชที่มีอนาคตไกล เพราะปลูกง่าย จุดขายคือ ไม่มีศัตรูพืช ไม่มีโรคหรือแมลงรบกวน จึงไม่ต้องฉีดยาอะไรเลย ปลูกแล้วเป็นผักปลอดสารพิษ 100% ดีทั้งคนปลูกและคนกิน อีกอย่างเป็นพืชแซมสวนที่ดี สามารถปลูกร่วมกับพืชอื่นๆ ได้หมด เพราะโดยธรรมชาติแล้ว มันไม่ชอบแดดจัด ชอบแดดรำไร และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ได้ตลอด”
อย่างที่เกริ่นแต่ต้น นอกจาก คุณอำไพ จะปลูกต้นขาไก่ไว้ตัดยอดขายแล้ว ยังตอนกิ่งขายด้วย โดยเธอขายกิ่งละ 80 บาท ไม่รวมค่าขนส่ง ซึ่งในช่วงหน้าแล้งนี้มีคนสั่ง เจ้าตัวก็จะแจ้งให้ทราบว่า ยังไม่สามารถตอนให้ได้ เพราะการตอนช่วงหน้าแล้งรากจะไม่งอก ต้องรอตอนในช่วงหน้าฝน
สำหรับคนที่สนใจจะซื้อกิ่งพันธุ์ต้นขาไก่ หรืออยากรู้เรื่องการปลูกพืชชนิดนี้ โทร.คุยกับ คุณอำไพ ได้ที่ โทร. (089) 593-0489 ซึ่งเธอเป็นเกษตรกรเพียงไม่กี่รายที่ปลูกต้นขาไก่เป็นพืชแซมสวนอย่างจริงจัง และปลูกมานานหลายปีแล้ว เรียกว่าเป็นผู้รู้เรื่องต้นขาไก่ดีคนหนึ่งทีเดียว
เชื่อว่าอีกหน่อยเราๆ ท่านๆ คงจะได้กินใบอ่อนและยอดอ่อนของ “ขาไก่” กันได้ง่ายขึ้น เพราะเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ คงจะนำมาปลูกกันเยอะขึ้น แทนที่จะปลูกอยู่ในภาคใต้เท่านั้น
ที่มา https://www.sentangsedtee.com

ชวนปลูก “ต้นขาไก่” พืชเศรษฐกิจน่าสนใจ ปลูกไม่ยาก ราคาดี กิโลกรัมละ 100 บาท

ชวนปลูก “ต้นขาไก่” พืชเศรษฐกิจน่าสนใจ ปลูกไม่ยาก ราคาดี กิโลกรัมละ 100 บาท


แม้จะเป็นคนชอบกินผักและเดินสายไปทำข่าวตามจังหวัดต่างๆ มาหลายปี แต่เพิ่งได้ยินชื่อ “ต้นขาไก่” เมื่อไม่นานมานี้ จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ข่าวสด ซึ่งทาง คุณประสิทธิ์ ทองขาว เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง กำลังสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าส่งเสริม แทนที่จะปลูกกันไว้บริโภคเองภายในครัวเรือนเท่านั้น

 ราคาดีกว่าผักเหมียง

ด้วยความที่ว่า “ขาไก่” เป็นผักที่มีรสชาติอร่อยและปลูกไม่ยาก ที่สำคัญได้ราคาดี ตกกิโลกรัมละ 100 บาท เทียบกันแล้วได้ราคาดีกว่าผักเหมียง ที่มีราคาแค่กิโลกรัมละ 50-60 บาท
ฟังแค่นี้น่าจะเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้เกษตรกรและคนทั่วไปสนใจอยากจะปลูกต้นขาไก่ เพราะเห็นหนทางชัดเจนว่ามีโอกาสทำเงินได้ก้อนโตหากมีตลาดรองรับ เพียงแต่ว่าตอนนี้ผู้บริโภคยังไม่รู้จักในวงกว้างเท่านั้น ในขณะที่ต้นขาไก่เองมีคุณสมบัติเด่นหลายประการ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงมีผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะคนในภูมิภาคอื่นที่ไม่รู้จักต้นขาไก่ที่ว่านี้ เพราะเป็นพืชพื้นถิ่นของทางภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรจะปลูกแซมในสวนยางพาราและสวนผลไม้ทั่วไป ถือว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะมีคลอโรฟิลล์สูง ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงสายตา และบำรุงโลหิต
ก่อนอื่นมารู้จักต้นขาไก่กันก่อนดีกว่า คุณประสิทธิ์ แจกแจงให้ฟังว่า “ขาไก่” เป็นพืชยืนต้นที่มีลักษณะทรงพุ่มคล้ายต้นผักเหมียง ใบเหมือนกุหลาบ ชอบที่ร่ม ไม่ทนแล้ง ชอบน้ำ ถ้าไม่มีน้ำจะเฉาตาย ในการตัดแต่งนั้นไม่ควรให้สูงเกิน 1.20-1.50 เมตร เพราะจะได้ตัดยอดตัดใบอ่อนได้ง่าย
อย่างที่บอก การปลูกไม่ยาก คุณประสิทธิ์ อธิบายว่า ตอนปลูกขุดหลุมลึกแค่ 30 เซนติเมตร ก็พอ แต่ต้นไม้ทั่วไปอาจจะต้องใช้หลุมลึก 50 เซนติเมตร ให้แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 2 เมตร เผื่อให้แต่ละต้นแผ่ขยายได้ พร้อมใส่ปุ๋ยอินทรีย์ลงในหลุมปลูกไปด้วย จากนั้นสองสามเดือนก็ใส่อีกครั้ง โดยให้สังเกตว่าหากช่วงไหนออกใบออกช่อช้าหรือใบเล็กลงก็ควรใส่ปุ๋ยเข้าไปช่วย หลักสำคัญเลยคือ อย่าให้ต้นขาดน้ำ ต้องรดน้ำอยู่เป็นประจำ เพราะต้องใช้ในการสร้างใบ
สำหรับการปลูกแซมในสวนผลไม้หรือสวนยางพารานั้น เกษตรอำเภอย่านตาขาวให้ข้อมูลว่า ถ้าปลูกแซมในสวนยางพารา หากใบยางพาราที่ร่วงลงมามีปัญหาเชื้อราก็จะส่งผลต่อต้นขาไก่ด้วย จะทำให้ไม่แตกยอด
ตอนนี้มีการขายกิ่งพันธุ์กัน กิ่งละ 50-80 บาท ซึ่งเกษตรกรบางรายอาจจะบ่นว่าแพง ทางคุณประสิทธิ์เสนอว่า อาจจะซื้อไปสักกิ่งสองกิ่ง แล้วไปขยายพันธุ์เอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการตอนและการเพาะชำ แต่อยากให้ตอนดีกว่า เพราะจะได้ผล 100% จะได้กิ่งพันธุ์ที่มีรากเต็ม โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ขณะที่การเพาะชำอาจไม่ได้ผลทั้งหมด เนื่องจากรากจะน้อยกว่าการตอน
 ทีนี้มาคุยกับเกษตรกรตัวจริงเสียงจริงกันบ้าง “คุณอำไพ ตันธนาภินันท์” อยู่หมู่ที่ 1 บ้านโหละหาร ตำบลหนองบ่อ อำเภอย่านตาขาว ซึ่งนอกจากจะปลูกไว้ตัดยอด-ตัดใบอ่อนขายแล้ว ยังตอนกิ่งพันธุ์ขายได้ด้วย
คุณอำไพ เล่าว่า เริ่มปลูกต้นขาไก่เมื่อปี 2545 โดยได้พันธุ์มาจากจังหวัดนราธิวาส และขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง ตอนนี้ปลูกอยู่ประมาณ 100 ต้น โดยปลูกแซมในสวนยางพารา ซึ่งการปลูกไม่ยาก หากดูแลดีๆ ช่วง 5-6 เดือนหลังปลูกก็ตัดยอดขายได้แล้ว การบำรุงรักษาก็ไม่ยาก แค่ดายหญ้า พรวนดิน และใส่ปุ๋ยคอกเท่านั้น ไม่มีศัตรูพืชมารบกวน
ดังนั้น จึงไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆ เป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร เหมาะที่จะปลูกแซมในสวนยางพาราหรือสวนผลไม้  แต่ต้องมีน้ำรดประจำ หากรดทุกวันยิ่งดี หรือไม่ก็สองวันรดน้ำครั้งหนึ่งในช่วงหน้าแล้ง กรณีมีน้ำไม่มาก
ในหน้าฝนนั้น ต้นขาไก่จะออกยอดดี ใน 1 สัปดาห์ จะสามารถตัดยอดขายได้ 2 ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลด้วย เกษตรกรส่วนใหญ่ที่อำเภอย่านตาขาวจะปลูกไว้เพื่อกินกันเอง บ้านละ 5-6 ต้น เป็นพืชที่มีอายุยืนยาวถึง 15 ปีด้วย
ถามว่าจะขยายพื้นที่การปลูกอีกหรือไม่ คุณอำไพ บอกว่า คงไม่ขยายแล้ว เพราะที่สวนมีน้ำไม่เพียงพอ จึงปลูกเป็นพืชแซมในสวนยางพารา และเก็บขายได้ทุกสัปดาห์ เดือนๆ หนึ่งขายได้ 5,000-6,000 บาท โดยมียางพาราเป็นรายได้หลัก

 แจงดีทั้งคนปลูก-คนกิน

ส่วนกรณีที่เกษตรกรจากพื้นที่อื่นจะนำต้นขาไก่ไปปลูกเพื่อส่งขาย คุณอำไพ แนะนำว่า หากคิดจะปลูกเพื่อทำการค้าอย่างจริงจัง คงต้องลงทุนแจกให้กินกันก่อนในตอนแรกๆ เพราะที่นี่ตอนที่เริ่มปลูกใหม่ๆ ก็ไม่มีคนกินเป็นเลย
“ต่อไปถ้าหาตลาดได้ เชื่อว่าต้นขาไก่เป็นพืชที่มีอนาคตไกล เพราะปลูกง่าย จุดขายคือ ไม่มีศัตรูพืช ไม่มีโรคหรือแมลงรบกวน จึงไม่ต้องฉีดยาอะไรเลย ปลูกแล้วเป็นผักปลอดสารพิษ 100% ดีทั้งคนปลูกและคนกิน อีกอย่างเป็นพืชแซมสวนที่ดี สามารถปลูกร่วมกับพืชอื่นๆ ได้หมด เพราะโดยธรรมชาติแล้ว มันไม่ชอบแดดจัด ชอบแดดรำไร และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ได้ตลอด”
อย่างที่เกริ่นแต่ต้น นอกจาก คุณอำไพ จะปลูกต้นขาไก่ไว้ตัดยอดขายแล้ว ยังตอนกิ่งขายด้วย โดยเธอขายกิ่งละ 80 บาท ไม่รวมค่าขนส่ง ซึ่งในช่วงหน้าแล้งนี้มีคนสั่ง เจ้าตัวก็จะแจ้งให้ทราบว่า ยังไม่สามารถตอนให้ได้ เพราะการตอนช่วงหน้าแล้งรากจะไม่งอก ต้องรอตอนในช่วงหน้าฝน
สำหรับคนที่สนใจจะซื้อกิ่งพันธุ์ต้นขาไก่ หรืออยากรู้เรื่องการปลูกพืชชนิดนี้ โทร.คุยกับ คุณอำไพ ได้ที่ โทร. (089) 593-0489 ซึ่งเธอเป็นเกษตรกรเพียงไม่กี่รายที่ปลูกต้นขาไก่เป็นพืชแซมสวนอย่างจริงจัง และปลูกมานานหลายปีแล้ว เรียกว่าเป็นผู้รู้เรื่องต้นขาไก่ดีคนหนึ่งทีเดียว
เชื่อว่าอีกหน่อยเราๆ ท่านๆ คงจะได้กินใบอ่อนและยอดอ่อนของ “ขาไก่” กันได้ง่ายขึ้น เพราะเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ คงจะนำมาปลูกกันเยอะขึ้น แทนที่จะปลูกอยู่ในภาคใต้เท่านั้น
ที่มา https://www.sentangsedtee.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น