เลี้ยงแมลงดานา ทำได้เองลงทุนไม่เยอะ ขายรายได้งาม
วิธีเลี้ยงแมลงดานา
เริ่มต้นเลี้ยงแมลงดาทำอย่างไร1 .เลือกสถานที่สงบเงียบขุดเป็นบ่อสี่เหลี่ยมขนาดพอประมาณ แล้วแต่จะเลี้ยงมากหรือน้อย ขังน้ำได้ประมาณ30 เซนติเมตร หรือเลี้ยงในถังพลาสติกขนาด1000 ลิตรก็ได้ คลุมบ่อด้วยผ้าตาข่ายป้องกันแมลงดานาหนี
2 ปลูกไม้น้ำให้แมลงดานาอาศัย
3.ปล่อยพ่อแม่พันธุ์แมลงดานาลงไป 1 ตารางเมตรชะประมาณ 5 คู่ ให้อาหารพวกลูกกบ
การเลี้ยงแมลงดานาในถังพลาสติก
โดยขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยากเริ่มจากการเตรียมพ่อแม่พันธุ์ และใช้ถังไฟเบอร์ขนาดความจุ 1 ตัน ทำตะแกรงสีเขียวปิดป้องกันการหลบหนี ติดตั้งท่อน้ำระบบพ่นฝอยที่ด้านบนของถัง มีประตูระบายน้ำและจัดสภาพแวดล้อมเลียนแบบธรรมชาติเพื่อกระตุ้นให้พ่อแม่พันธุ์วางไข่การกินอาหารของแมลงดา
วิธีจับเหยื่อกินของแมลงดานาจะเกาะตามกอหญ้าสงบนิ่ง ปล่อยให้เหยื่อไม่ว่าจะเป็นลูกอ๊อด ลูกกุ้ง หรือลูกปลา ว่ายน้ำเล่นจนเพลิน เมื่อเหยื่อเคลื่อนที่เข้ามาใกล้จะจับเหยื่อไว้แน่นแล้วแทงด้วยปากที่แหลมคม พร้อมกับปล่อยสารบางชนิดเข้าในตัวเหยื่อจนหมดแรงและตายลงในที่สุด และดูดน้ำเลี้ยงหรือของเหลวในร่างกายเหยื่อจนหมด ทำซ้ำหลายครั้งจนอิ่มและปล่อยเหยื่อทิ้งไป
การเริ่มเพาะแมลงดานาในบ่อดิน
แมลงดานาจะเริ่มวางไข่ รุ่นที่ 1 ในเดือนมิถุนายน รุ่นที่ 2, 3 และ 4 จะวางไข่ในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน-ตุลาคม แมลงดานาจะกินอาหารที่ยังมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้และไม่ยอมกินอาหารที่ตาย แล้วหลังเตรียมบ่อ นำกอหญ้าหรือกกปลูกในบ่อเป็นแถวคล้ายกับการดำนา
ให้พอเพียงกับแมลงดานาใช้เกาะอาศัย ปล่อยพ่อ-แม่พันธุ์แล้วประมาณ 1 เดือน ในช่วงผสมพันธุ์ แมลงดานาเพศผู้จะผลิตสารที่มีกลิ่นฉุนเพื่อดึงดูดเพศเมียให้มาเป็นคู่ผสม พันธุ์ หลังจากผสมพันธุ์ไม่นานแมลงดาจะวางไข่บนกิ่งไว้เหนือระดับผิวน้ำ ประมาณ 15-20 เซนติเมตร คราวละ 100-200 ฟอง
โดยมีเมือกเหนียวยึดไว้กับต้นกกหรือต้นหญ้า แมลงดานาจะวางไข่เป็นแถว ลักษณะกลมรีมีเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นยาว 0.2 เซนติเมตร สีน้ำตาลเข้ม ส่วนปลายจะมีรอยขีดและจุดสีน้ำตาลอ่อนตรงส่วนปลายสุด ไข่จะฟักออกเป็นตัวภายใน 7-8 วัน พร้อมทิ้งตัวลงน้ำในบ่อหากินอาหาร ขนาดตัวอ่อนยาว 0.8 เซนติเมตร จากนั้นจะลอกคราบ 5 ครั้ง โดยจะลอกคราบทุก ๆ 5-7 วัน และเป็นตัวเต็มวัยเมื่ออายุ 32-43 วัน
ข้อเสียของการเลี้ยงในบ่อดิน คือ เราสังเกตุลูกแมลงดาวัยอ่อนยากมากมองไม่เห็นเพราะลูกแมลงดาจะปรับสีตามสภาพแวดล้อม
การเลี้ยงแมลงดานาในถังพลาสติก
1. หาถังพลาสติกขนาดความจุ ไม่น้อยกว่า 1000 ลิตรมีรูระบายน้ำล้นกรณีที่เราพ่นน้ำทำฝนเทียม เพราะระดับน้ำไม่นิ่งแมลงดานาจะไม่วางไข่ ปิดตาข่ายด้านบน (ภาพ1)
2.ปล่อยพ่อแม่พันธุ์แมงดานา ลงไป ประมาณ 5 คู่ใช้ไม้ไผ่พันด้วยตาข่ายเพื่อให้แมลงดานาวางไข่(ภาพ2)
3. ให้อาหารพ่อแม่พันธุ์ เมื่อแมลงดานา สมบูรณ์ เร่งให้แมลงดานาวางไรโดยการฉีดพ่นน้ำในตอนกลางคืน แมลงดานาก็จะวางไข่บริเวณไม้ที่เราเตรียมไว้(ภาพ3ลูกแมลงดากำลังออกจากไข่)
4. นำไข่แมลงดาไปเพาะในบ่อเพาะฟักต่อไป บ่อเพาะฟักเราจะนำไข่แมลงดา มาแขวนไว้เหนือบ่อน้ำในบ่อเพาะฟัก ประมาณ 7-8 วัน แมลงดานาก็จะฟักเป็นตัวหล่นในบ่อน้ำเป็นแมลงดานาตัวอ่อน
2.ปล่อยพ่อแม่พันธุ์แมงดานา ลงไป ประมาณ 5 คู่ใช้ไม้ไผ่พันด้วยตาข่ายเพื่อให้แมลงดานาวางไข่(ภาพ2)
3. ให้อาหารพ่อแม่พันธุ์ เมื่อแมลงดานา สมบูรณ์ เร่งให้แมลงดานาวางไรโดยการฉีดพ่นน้ำในตอนกลางคืน แมลงดานาก็จะวางไข่บริเวณไม้ที่เราเตรียมไว้(ภาพ3ลูกแมลงดากำลังออกจากไข่)
4. นำไข่แมลงดาไปเพาะในบ่อเพาะฟักต่อไป บ่อเพาะฟักเราจะนำไข่แมลงดา มาแขวนไว้เหนือบ่อน้ำในบ่อเพาะฟัก ประมาณ 7-8 วัน แมลงดานาก็จะฟักเป็นตัวหล่นในบ่อน้ำเป็นแมลงดานาตัวอ่อน
ข้อสังเกตุในการเพาะแมลงดา
1.ทำให้แมลงดาไข่และออกลูกง่ายมาก2.การเร่งให้แมลงดาไข่ ให้ใส่ลูกกบลูกเขียดเป็นลงไปให้มากให้แมลงดาที่จับจากธรรมชาติกินอย่างเต็มที่ เปิดสปิงเกอร์ทุกวันวันละ2-3ชั่วโมงตอนกลางคืน ไม่เกิน7วันแมลงดาจะพร้อมที่จะวางไข่ เคยให้พวกปลาต่างๆปรากฎว่าเร่งไข่ได้ไม่ดี
3.ลูกอ่อนของแมลงดานาต้องให้ลูกออดกินถึงจะลอกคราบได้ดีเปอร์เซ็นต์การรอดตายสูงแมงดานา ที่เพาะเลี้ยงนั้น ยังมีปัญหาหลายประการ
4.แมลงดานาตายที่พบคือแมลงดานาตายโดยไม่ทราบสาเหตุอาจเป็นเพราะหมดอายุ เพราะที่นำมาเพาะส่วนใหญ่จะนำพ่อแม่พันธุ์มาจากธรรมชาติทำให้ไม่ทราบอายุที่แน่นอนซึ่งวงชีวิตแมลงดานาประมาณ1 ปีอาหาร เคยลองให้อาหารต่างๆแก่แมลงดานาทุกช่วงอายุปรากฏว่าลูกอ๊อดลูกกบดีที่สุด
ดังนั้นถ้าจะเลี้ยงแมลงดานาให้สำเร็จต้องหัดเพาะกบให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาเลี้ยงแมลงดานา เพราะใน1 วันลูกแมลงดานา กินลูกอ๊อดวันละ 1 ตัวแมลงดานาฟักออกจากไข 1 แม่ประมาณ 80-150 ตัวถ้าออกไข่พร้อมกัน 5 แม่จะต้องใช้ลูกอ๊อดเป็นอาหารวันละ 400 ตัว กบ 1 ตัวเมือเพาะจะลูกกบประมาณ 1000-1500 ตัว นี่คือปัญหาในการเลี้ยงแมลงดานา
การเลี้ยง และดูแล
การปล่อยพ่อแม่พันธุ์ และเริ่มเลี้ยงจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูฝน ที่มีอากาศ ความชื้น และปริมาณฝนตกที่สามารถกระตุ้นให้แมงดานาเริ่มการผสมพันธุ์อาหารที่ให้จะเป็นลูกปลาขนาดเล็ก กุ้ง ลูกอ๊อด ลูกน้ำ ม้าน้ำจืด หรือสัตว์น้ำขนาดเล็ก โดยการปล่อยเลี้ยงในบ่อเพื่อแมงดานาจับกินอาหารเองตามธรรมชาติ
ที่มา http://farm.onzorn.info
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น