ขายหมวกแฟชั่น ไม่ธรรมดา สร้างรายได้ มูลค่าหลักแสน !

ธุรกิจขายหมวกแฟชั่น ร้าน “Capsstory” ดูเหมือนธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา มีถึง 3 สาขา สร้างรายได้ มูลค่าหลักแสน !
เรียกได้ว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่ ต่างหันมาลองหยิบจับมีธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ต้องใช้เงินลงทุน รวมถึงลงแรงกายแรงใจกว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ท่ามกลางความเสี่ยงของตลาดที่ยากจะคาดเดา
วันนี้ทีมข่าว MThai จะพาไปรู้จักกับเจ้าของธุรกิจร้านขายหมวก “Capsstory”  ‘น้องมิเกว ธัญญาพร ฉัตรไพโรจน์กุล’ อายุ 22 ปี ว่าที่บัณฑิตมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งมิเกวเป็นอีกหนึ่งคนที่หันมาหยิบจับงานอิสระตั้งแต่เยาว์วัย และใช้ช่องทางสื่อโซเชียลให้เป็นประโยชน์ที่สุด

‘มิเกว ธัญญาพร ฉัตรไพโรจน์กุล’ เปิดเผยว่า ตอนช่วงขายของออนไลน์กำลังบูมมากๆ เราอยากหาของมาขายกับแฟน เริ่มจากหาในอินเตอร์เน็ต หาไปหามา ได้มาขายเคสโทรศัพท์ด้วยเงินลงทุน 8,000 บาท จากนั้นเห็นในเว็บตลาดนัดรถไฟ มีให้จับฉลากล็อคขายของเลยไปลองดู และได้ลงขายที่ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ขายสักพักก็ได้หาเสื้อยืดมาขายเพิ่ม สุดท้ายเสื้อยืดไปไม่รอด จึงเอาหมวกมาขายเพิ่ม เพราะคู่แข่งมีน้อยได้กำไรพอตัว เลยขายควบคู่กันไปกับเคสโทรศัพท์
ต่อมา ขายของเข้าปีที่ 2 เศรษฐกิจเริ่มไม่ดีเลยหันมาขายหมวกอย่างเดียว เห็นว่ามันขายได้ และกำไรดี ตอนนี้ขายหมวกอย่างเดียวมา 1 ปีเต็มแล้ว นอกจากนี้ยังพยายามหาหมวกแบบแปลกๆ มาขาย และลองเปลี่ยนตลาดดู เริ่มจากขายได้แรกๆ วันละ 5-6 ใบ จนยอดสูงสุด วันละ 100 ใบ มีทั้ง หมวกทำเอง รับจากร้านขายส่ง และสั่งเองจากจีนเลยค่ะ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับการมีร้านของตัวเอง และประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังเอาไว้ แต่ธุรกิจขายหมวกของน้องมิเกวนั้น มีกว่า 3 สาขาแล้ว แม้จะต้องใช้เวลาในการเติบโต

“แรงบันดาลใจในการลองมาขายของ เริ่มมาจากอยากมีเงินใช้ ช่วงนั้นกำลังอยากเที่ยวต่างจังหวัดเก็บเงินเที่ยวจากการแบ่งเงินอาทิตย์ที่แม่ให้ออกมาเก็บไว้แบ่งไว้ไปเที่ยวค่ะ สุดท้ายเห็นว่ามันไม่พอเลยหาของมาขาย เริ่มขายของมาตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 จะขึ้นปี 2 ค่ะ เห็นว่ามันได้เงินเยอะเลยเริ่มพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้มี 3 สาขาแล้ว”
นอกจากนี้ ‘น้องเกว ธัญญาพร’ ยังบอกเล่าว่า มีคนถามเยอะว่าเรียนจบแล้วทำงานอะไร มาขายของทำไม ได้เงินเยอะหรอ เราเลยมีความคิดที่ว่า “เรียนจบป.ตรีแล้วต้องทำงานบริษัทหรอ” จริงๆ เรียนจบแล้วก็ต้องหางานทำมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องค่ะ แต่จำเป็นไหมที่ต้องเป็นพนักงานบริษัท ต้นทุน โอกาส และพื้นฐานของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ยังไม่มีโอกาสในการทำงานบริษัท เราหันมาขายของเป็นแม่ค้า แต่ไม่ทำงานบริษัทเพราะเราเริ่มขายมาตั้งแต่เรียน ตลาดนัดกลางคืนคือที่ทำงานของเราค่ะ เราจะพัฒนาต่อยอดสิ่งที่เรากำลังทำอยู่และจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรงใครจะดูถูกเราว่าเป็นแม่ค้า เราไม่สนใจค่ะ อะไรที่เราทำแล้วได้เงิน เลี้ยงแม่ได้ และเป็นงานสุจริต เราทำค่ะ”
“ส่วนจุดแข็งของร้าน คือคุณภาพของหมวกค่ะ เพราะเราจะเลือกงานแต่ละแบบมาขาย โดยที่เป็นแบบใหม่ๆไม่ซ้ำใคร ดูรายละเอียดของสินค้าเก็บทุกรายละเอียด เพราะเราอยากให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด และเป็นเพราะการบริการของเราค่ะ ลูกค้าจะพูดจาดีหรือไม่ดีเราจะยิ้มไว้ก่อน พูดเพราะๆ กับลูกค้า รวมถึงสินค้าของเราราคาไม่แพงเกินไป”
หากถามถึงรายได้ ไม่ใช่เล่นๆ เลย สำหรับธุรกิจขายหมวก ซึ่งตั้งเป้าเอาไว้จากทีแรกวันละ 5 พัน ตอนนี้ต่อยอดธุรกิจขึ้นไปเรื่อยๆ รายได้เฉลี่ยเดือนละ 2-3 แสน นอกจากนี้ ในอนาคตยังคาดหวังว่าจะได้ปีละ 1 ล้านด้วย
สุดท้าย ‘มิเกว ธัญญาพร ฉัตรไพโรจน์กุล’  ฝากถึงคนที่อยากลองมีธุรกิจส่วนตัวด้วยว่า..
“อยากทำอะไรทำเลยค่ะอย่ามัวแต่คิด และต้องวางแผนให้ดี ดูต้นทุนสินค้าที่จะขาย ดูการตลาด และสุดท้ายขอให้มีความเชื่อมั่นในตนเองค่ะ ถ้าคิดจะทำแล้วก็ต้องทำให้สุด ก่อนเราจะมาถึงจุดนี้ได้เราก็พลาดมาเยอะเหมือนกัน อยากให้วางแผนดีๆ ลองผิดลองถูกกันไปค่ะ”
ที่มา https://news.mthai.com

ขายหมวกแฟชั่น ไม่ธรรมดา สร้างรายได้ มูลค่าหลักแสน !

ขายหมวกแฟชั่น ไม่ธรรมดา สร้างรายได้ มูลค่าหลักแสน !

ธุรกิจขายหมวกแฟชั่น ร้าน “Capsstory” ดูเหมือนธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา มีถึง 3 สาขา สร้างรายได้ มูลค่าหลักแสน !
เรียกได้ว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่ ต่างหันมาลองหยิบจับมีธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ต้องใช้เงินลงทุน รวมถึงลงแรงกายแรงใจกว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ท่ามกลางความเสี่ยงของตลาดที่ยากจะคาดเดา
วันนี้ทีมข่าว MThai จะพาไปรู้จักกับเจ้าของธุรกิจร้านขายหมวก “Capsstory”  ‘น้องมิเกว ธัญญาพร ฉัตรไพโรจน์กุล’ อายุ 22 ปี ว่าที่บัณฑิตมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งมิเกวเป็นอีกหนึ่งคนที่หันมาหยิบจับงานอิสระตั้งแต่เยาว์วัย และใช้ช่องทางสื่อโซเชียลให้เป็นประโยชน์ที่สุด

‘มิเกว ธัญญาพร ฉัตรไพโรจน์กุล’ เปิดเผยว่า ตอนช่วงขายของออนไลน์กำลังบูมมากๆ เราอยากหาของมาขายกับแฟน เริ่มจากหาในอินเตอร์เน็ต หาไปหามา ได้มาขายเคสโทรศัพท์ด้วยเงินลงทุน 8,000 บาท จากนั้นเห็นในเว็บตลาดนัดรถไฟ มีให้จับฉลากล็อคขายของเลยไปลองดู และได้ลงขายที่ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ขายสักพักก็ได้หาเสื้อยืดมาขายเพิ่ม สุดท้ายเสื้อยืดไปไม่รอด จึงเอาหมวกมาขายเพิ่ม เพราะคู่แข่งมีน้อยได้กำไรพอตัว เลยขายควบคู่กันไปกับเคสโทรศัพท์
ต่อมา ขายของเข้าปีที่ 2 เศรษฐกิจเริ่มไม่ดีเลยหันมาขายหมวกอย่างเดียว เห็นว่ามันขายได้ และกำไรดี ตอนนี้ขายหมวกอย่างเดียวมา 1 ปีเต็มแล้ว นอกจากนี้ยังพยายามหาหมวกแบบแปลกๆ มาขาย และลองเปลี่ยนตลาดดู เริ่มจากขายได้แรกๆ วันละ 5-6 ใบ จนยอดสูงสุด วันละ 100 ใบ มีทั้ง หมวกทำเอง รับจากร้านขายส่ง และสั่งเองจากจีนเลยค่ะ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับการมีร้านของตัวเอง และประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังเอาไว้ แต่ธุรกิจขายหมวกของน้องมิเกวนั้น มีกว่า 3 สาขาแล้ว แม้จะต้องใช้เวลาในการเติบโต

“แรงบันดาลใจในการลองมาขายของ เริ่มมาจากอยากมีเงินใช้ ช่วงนั้นกำลังอยากเที่ยวต่างจังหวัดเก็บเงินเที่ยวจากการแบ่งเงินอาทิตย์ที่แม่ให้ออกมาเก็บไว้แบ่งไว้ไปเที่ยวค่ะ สุดท้ายเห็นว่ามันไม่พอเลยหาของมาขาย เริ่มขายของมาตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 จะขึ้นปี 2 ค่ะ เห็นว่ามันได้เงินเยอะเลยเริ่มพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้มี 3 สาขาแล้ว”
นอกจากนี้ ‘น้องเกว ธัญญาพร’ ยังบอกเล่าว่า มีคนถามเยอะว่าเรียนจบแล้วทำงานอะไร มาขายของทำไม ได้เงินเยอะหรอ เราเลยมีความคิดที่ว่า “เรียนจบป.ตรีแล้วต้องทำงานบริษัทหรอ” จริงๆ เรียนจบแล้วก็ต้องหางานทำมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องค่ะ แต่จำเป็นไหมที่ต้องเป็นพนักงานบริษัท ต้นทุน โอกาส และพื้นฐานของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ยังไม่มีโอกาสในการทำงานบริษัท เราหันมาขายของเป็นแม่ค้า แต่ไม่ทำงานบริษัทเพราะเราเริ่มขายมาตั้งแต่เรียน ตลาดนัดกลางคืนคือที่ทำงานของเราค่ะ เราจะพัฒนาต่อยอดสิ่งที่เรากำลังทำอยู่และจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรงใครจะดูถูกเราว่าเป็นแม่ค้า เราไม่สนใจค่ะ อะไรที่เราทำแล้วได้เงิน เลี้ยงแม่ได้ และเป็นงานสุจริต เราทำค่ะ”
“ส่วนจุดแข็งของร้าน คือคุณภาพของหมวกค่ะ เพราะเราจะเลือกงานแต่ละแบบมาขาย โดยที่เป็นแบบใหม่ๆไม่ซ้ำใคร ดูรายละเอียดของสินค้าเก็บทุกรายละเอียด เพราะเราอยากให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด และเป็นเพราะการบริการของเราค่ะ ลูกค้าจะพูดจาดีหรือไม่ดีเราจะยิ้มไว้ก่อน พูดเพราะๆ กับลูกค้า รวมถึงสินค้าของเราราคาไม่แพงเกินไป”
หากถามถึงรายได้ ไม่ใช่เล่นๆ เลย สำหรับธุรกิจขายหมวก ซึ่งตั้งเป้าเอาไว้จากทีแรกวันละ 5 พัน ตอนนี้ต่อยอดธุรกิจขึ้นไปเรื่อยๆ รายได้เฉลี่ยเดือนละ 2-3 แสน นอกจากนี้ ในอนาคตยังคาดหวังว่าจะได้ปีละ 1 ล้านด้วย
สุดท้าย ‘มิเกว ธัญญาพร ฉัตรไพโรจน์กุล’  ฝากถึงคนที่อยากลองมีธุรกิจส่วนตัวด้วยว่า..
“อยากทำอะไรทำเลยค่ะอย่ามัวแต่คิด และต้องวางแผนให้ดี ดูต้นทุนสินค้าที่จะขาย ดูการตลาด และสุดท้ายขอให้มีความเชื่อมั่นในตนเองค่ะ ถ้าคิดจะทำแล้วก็ต้องทำให้สุด ก่อนเราจะมาถึงจุดนี้ได้เราก็พลาดมาเยอะเหมือนกัน อยากให้วางแผนดีๆ ลองผิดลองถูกกันไปค่ะ”
ที่มา https://news.mthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น