หนุ่มนักดนตรีผันตัว เลี้ยงจระเข้ขายสร้างรายได้งาม


หนุ่มดนตรีตะวันตกตรัง ผันตัวเองยึดอาชีพเลี้ยงจระเข้ หลังใช้ชีวิตประกอบอาชีพเล่นดนตรีกรุงเทพ มานานกว่า10ปี เชื่อธุรกิจเลี้ยงจระเข้สดใสยั่งยืน

วันที่ 24 ก.ค.60 ที่บ้านนายจำรัส ธนภพ อายุ 55 ปี เลขที่ 261 ม.5 ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นจุดเรียนรู้การปลูกมะนาวในท่อซีเมนต์ และการเลี้ยงจระเข้ โดยมีนายวงศ์ธวัช ธนภพ อายุ 27 ปี ลูกชายเป็นผู้จัดการ และดูแลธุรกิจเลี้ยงจระเข้ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่ได้รับความสนใจจากชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวเข้ามาชมกิจการการเลี้ยงจระเข้กันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเลี้ยงจระเข้ของ นายวงศ์ธวัช มีการนำพันธุ์จระเข้ เลี้ยงในบ่อปูนซิเม้นท์ ประมาณ 60 บ่อ จำนวนกว่า 100 ตัว
นายวงศ์ธวัช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายจำรัส พ่อได้ประกอบกิจการด้านการเกษตร มีการนำพื้นที่มาปลูกพืชผลทางการเกษตร เน้นการปลูกมะนาวในท่อซิเม้นท์ จากนั้นมีการหันมายึดอาชีพเลี้ยงจระเข้ด้วย เนื่องจากเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ดีอีกทางหนึ่ง ด้วยการซื้อพันธุ์จระเข้ามาจากฟาร์ม ในอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อเลี้ยงได้ขนาดแล้วทางฟาร์มจะมาซื้อกลับคืนไป ทำให้ลู่ทางการทำอาชีพนี้จึงสดใส มีอนาคต ส่วนตนจบการศึกษาด้านดนตรีตะวันตก จากสถาบันราชภัฎบ้านสมเด็จ จากนั้นได้ยึดอาชีพเป็นนักดนตรีในกรุงเทพฯมาโดยตลอด ทำงานมานานกว่า 10 ปี ประสบผลสำเร็จในอาชีพอย่างน่าพอใจ แต่รู้สึกเบื่อที่จะอยู่กรุงเทพฯ คุณพ่อจึงแนะนำให้กลับมาอยู่บ้าน ทำธุรกิจครอบครัวที่มีอยู่ 
ตนเล็งเห็นว่าน่าจะมีอานาคตที่สดใส จึงตัดสินใจกลับบ้านมาดำเนินธุรกิจเลี้ยงจระเข้แทนพ่อ แต่ดนตรีที่ตนรักก็ไม่ได้ทิ้งไป มีความคิดว่า จะมาทำวงดนตรีที่จังหวัดตรัง ควบคู่ไปด้วยกัน โดยขณะนี้ในฟาร์มมีจระเข้ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จำนวนกว่า 100 ตัว รวม 60 บ่อ ซื้อพันธุ์มาจากฟาร์มจระเข้ที่อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ขนาดเล็กตัวละ 1,800 บาท ขนาดใหญ่ตัวละ 3,400 บาท จะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ที่ก่อสร้างแข็งแรง ตีโครงเหล็กด้านบน เพื่อป้องกันการหลุดรอดของจระเข้ ให้ความมั่นใจของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงว่า ถือว่าเป็นบ่อที่ได้มาตรฐาน ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมไมให้เกิดน้ำเสียจากบ่อ ซึ่งได้ขออนุญาตจดสิทธิบัตรจากทางปศุสัตว์ และจังหวัด ถูกต้องตามระเบียบ 
ซึ่งการเลี้ยงจระเข้ก็ไม่ยุ่งยาก จะให้อาหารเป็นกระดูกซี่โครงไก่ 3 วันต่อครั้ง ตัวเล็กให้อาหารวันเว้นวัน เปลี่ยนน้ำเดือนละครั้ง สิ้นปีนี้จะมีการนำจระเข้มาเพิ่มให้เป็นรุ่นๆ ใช้ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 3 ปี ก็สามารถขายต่อได้ในราคาที่ดี เนื่องจากมีผู้ประกอบการมาซื้อถึงฟาร์ม ปัจจุบันได้รับความสนใจจากชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาดูงานการเลี้ยงจระเข้กันอย่างต่อเนื่อง

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com



หนุ่มนักดนตรีผันตัว เลี้ยงจระเข้ขายสร้างรายได้งาม

หนุ่มนักดนตรีผันตัว เลี้ยงจระเข้ขายสร้างรายได้งาม


หนุ่มดนตรีตะวันตกตรัง ผันตัวเองยึดอาชีพเลี้ยงจระเข้ หลังใช้ชีวิตประกอบอาชีพเล่นดนตรีกรุงเทพ มานานกว่า10ปี เชื่อธุรกิจเลี้ยงจระเข้สดใสยั่งยืน

วันที่ 24 ก.ค.60 ที่บ้านนายจำรัส ธนภพ อายุ 55 ปี เลขที่ 261 ม.5 ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นจุดเรียนรู้การปลูกมะนาวในท่อซีเมนต์ และการเลี้ยงจระเข้ โดยมีนายวงศ์ธวัช ธนภพ อายุ 27 ปี ลูกชายเป็นผู้จัดการ และดูแลธุรกิจเลี้ยงจระเข้ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่ได้รับความสนใจจากชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวเข้ามาชมกิจการการเลี้ยงจระเข้กันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเลี้ยงจระเข้ของ นายวงศ์ธวัช มีการนำพันธุ์จระเข้ เลี้ยงในบ่อปูนซิเม้นท์ ประมาณ 60 บ่อ จำนวนกว่า 100 ตัว
นายวงศ์ธวัช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายจำรัส พ่อได้ประกอบกิจการด้านการเกษตร มีการนำพื้นที่มาปลูกพืชผลทางการเกษตร เน้นการปลูกมะนาวในท่อซิเม้นท์ จากนั้นมีการหันมายึดอาชีพเลี้ยงจระเข้ด้วย เนื่องจากเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ดีอีกทางหนึ่ง ด้วยการซื้อพันธุ์จระเข้ามาจากฟาร์ม ในอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อเลี้ยงได้ขนาดแล้วทางฟาร์มจะมาซื้อกลับคืนไป ทำให้ลู่ทางการทำอาชีพนี้จึงสดใส มีอนาคต ส่วนตนจบการศึกษาด้านดนตรีตะวันตก จากสถาบันราชภัฎบ้านสมเด็จ จากนั้นได้ยึดอาชีพเป็นนักดนตรีในกรุงเทพฯมาโดยตลอด ทำงานมานานกว่า 10 ปี ประสบผลสำเร็จในอาชีพอย่างน่าพอใจ แต่รู้สึกเบื่อที่จะอยู่กรุงเทพฯ คุณพ่อจึงแนะนำให้กลับมาอยู่บ้าน ทำธุรกิจครอบครัวที่มีอยู่ 
ตนเล็งเห็นว่าน่าจะมีอานาคตที่สดใส จึงตัดสินใจกลับบ้านมาดำเนินธุรกิจเลี้ยงจระเข้แทนพ่อ แต่ดนตรีที่ตนรักก็ไม่ได้ทิ้งไป มีความคิดว่า จะมาทำวงดนตรีที่จังหวัดตรัง ควบคู่ไปด้วยกัน โดยขณะนี้ในฟาร์มมีจระเข้ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จำนวนกว่า 100 ตัว รวม 60 บ่อ ซื้อพันธุ์มาจากฟาร์มจระเข้ที่อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ขนาดเล็กตัวละ 1,800 บาท ขนาดใหญ่ตัวละ 3,400 บาท จะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ที่ก่อสร้างแข็งแรง ตีโครงเหล็กด้านบน เพื่อป้องกันการหลุดรอดของจระเข้ ให้ความมั่นใจของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงว่า ถือว่าเป็นบ่อที่ได้มาตรฐาน ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมไมให้เกิดน้ำเสียจากบ่อ ซึ่งได้ขออนุญาตจดสิทธิบัตรจากทางปศุสัตว์ และจังหวัด ถูกต้องตามระเบียบ 
ซึ่งการเลี้ยงจระเข้ก็ไม่ยุ่งยาก จะให้อาหารเป็นกระดูกซี่โครงไก่ 3 วันต่อครั้ง ตัวเล็กให้อาหารวันเว้นวัน เปลี่ยนน้ำเดือนละครั้ง สิ้นปีนี้จะมีการนำจระเข้มาเพิ่มให้เป็นรุ่นๆ ใช้ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 3 ปี ก็สามารถขายต่อได้ในราคาที่ดี เนื่องจากมีผู้ประกอบการมาซื้อถึงฟาร์ม ปัจจุบันได้รับความสนใจจากชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาดูงานการเลี้ยงจระเข้กันอย่างต่อเนื่อง

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น