“หนุ่มวิศวกร” เบนเข็มทำเกษตรปลูกตะไคร้ สร้างรายได้เงินล้านในพริบตา
วันนี้ไม่ได้มาพูดถึง ผลิตภัณฑ์จากตะไคร้ แต่กำลังพูดถึงเกษตรกรที่ปลูกตะไคร้ เพราะที่ผ่านมาตะไคร้เป็นหนึ่งในพืชผักสมุนไพรที่มีการส่งออกอยู่ในอันดับต้นๆ ดังนั้น ความต้องการของตลาดจึงมีสูง ทำให้เกษตรกรหันมาปลูกตะไคร้กันมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง และหนึ่งในนั้น กำลังพูดถึงหนุ่มวิศวกรที่ผันตัวเองออกมาทำการเกษตร และเขาก็เลือกปลูกตะไคร้บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ | ||||
“พยนต์” เล่าว่า ได้เริ่มต้น ปลูกตะไคร้จากความคิดที่ว่า เป็นพืชที่ปลูกง่าย ปลูกอย่างไรก็ได้กิน และตลาดก็ไปได้ เพราะจากการสำรวจที่ตลาดสด ตะไคร้ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ แม้ว่าราคาจะไม่ได้สูงมากนัก ในช่วงบางเวลาถือว่าต่ำกว่าพืชผักอื่นๆ เพราะโดยส่วนตัวครอบครัวของผมทำการเกษตรอยู่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ก็ทำสวนส้มรังสิต แต่พอเจอปัญหาน้ำท่วม ผลผลิตเสียหายหมด เลยเลิกปลูก ซึ่งผมเองก็ทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เรียนจบด้านวิศวกรรม และทำงานด้านนี้มาตลอด 10 กว่าปี ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ต้องอยู่กับปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ออกมาทำงาน รู้สึกเบื่อหน่าย มองว่างั้นลองกลับมาทำการเกษตรที่บ้าน เพราะเราก็พอมีพื้นที่ของครอบครัวอยู่แล้ว ก็น่าที่จะปลูกอะไรขายได้ | ||||
หลังจากตัดสินใจปลูกตะไคร้ และนำตะไคร้ไปขายที่ตลาดไท ตรงจุดนี้เองทำให้ได้รู้จักกับโรงงานที่รับตะไคร้ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่หลายโรงงานและมีความต้องการตะไคร้อยู่อีกเป็นจำนวนมาก ตรงจุดนี้เอง ทำให้ตัดสินใจเช่าพื้นที่รังสิตคลอง 13 จำนวน 100 ไร่ ปลูกตะไคร้ เพื่อป้อนให้โรงงานที่ส่งออกตะไคร้ ปัจจุบันมีลูกค้าที่เป็นโรงงานส่งออกตะไคร้ที่สั่งซื้อตะไคร้จากเราจำนวน 4 ถึง 5 โรงงาน แต่ละโรงงานจะมีความต้องการตะไคร้ วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 500-1,000 กิโลกรัม ซึ่งการจัดส่งในแต่ละโรงงานจะหมุนเวียนกันไปแต่ละวัน | ||||
สำหรับในส่วนของกำลังการผลิต บนพื้นที่ 100 ไร่นั้นผลิตตะไคร้ประมาณ 1,000 กิโลกรัม เป็นแบบสลับหมุนเวียนเพื่อให้สามารถมีตะไคร้ออกขายได้ทุกวัน และยังมีพื้นที่ของตัวเองอีก 20 ไร่ ตรงนี้ประมาณ 500-800 กิโลกรัมต่อวัน และที่เหลือเราจะใช้การรับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้ได้จำนวนและออเดอร์ที่ต้องการในแต่ละวัน | ||||
“พยนต์” บอกถึงราคาตะไคร้ว่า เหมือนพืชผักอื่นๆ ราคาไม่แน่นอน เพราะถ้าเป็นช่วงที่ตะไคร้ไม่โตอย่างช่วงหน้าแล้ง ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ราคาสูงขึ้น บางครั้งเคยสูงถึงราคากิโลกรัมละ 25 บาท ช่วงนั้นจะได้กำไรเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากเราผูกขาดกับโรงงาน สิ่งสำคัญคือ ต้องมีสินค้าป้อนให้โรงงานตลอดไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหน ด้วยเหตุนี้เอง จึงจำเป็นที่จะต้องหาเครือข่าย โดยเราจะหาเกษตรกรที่ปลูกตะไคร้ในพื้นที่ใกล้ๆ โดยไปรับซื้อตะไคร้ถึงไร่ พร้อมกับนำคนงานไปทำตะไคร้ถึงที่ ซึ่งเกษตรกรทำหน้าที่ปลูกอย่างเดียวที่เหลือ เราจะจัดการให้เสร็จ ส่วนราคาซื้อจากเกษตรกร ในช่วงปกติกิโลกรัมละ 7-8 บาท แต่ถ้าราคาเพิ่ม เราก็เพิ่มให้ตามราคาที่พ่อค้าทั่วไปซื้อ | ||||
ที่มา http://www.manager.co.th |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น