กระชาย "ราชาแห่งสมุนไพร" ปลูกง่าย รายได้งาม



กระชาย คือ "ราชาแห่งสมุนไพร" สรรพคุณดีเทียบเท่าโสมเกาหลี  ในวงการแพทย์แผนไทย เพราะเป็นพืชสมุนไพรของไทยที่มีสรรพคุณคล้ายกับ “โสมเกาหลี” และยังมีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับโสมด้วยหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่านอกจากกระชายจะเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณกระตุ้นความเป็นชาย ยังมีสรรพคุณดีๆ อีกมากมาย ที่อยากให้ลอง เพราะกระชายอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ทั้ง วิตามินบี และวิตามินบี 12 และที่กระชายมีสรรพคุณทางยาก็เพราะว่ามีสารเคอร์คูมิน ที่ช่วยในการต้านการอักเสบ และยังไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้อีกด้วย
นอกจากความโดดเด่นเรื่องสรรพคุณที่เหมือนกับโสมแล้ว กระชายยังจัดว่าเป็น “พืชมงคล” เนื่องจากสมัยโบราณหมอยาจะนำกระชายมารักษาคนเฒ่าคนแก่แล้วหายดีเป็นปลิดทิ้ง กระชายจึงถือเป็นพืชสมุนไพรมงคลที่เชื่อว่านำมาปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยปัดเป่าโรค ทำให้คนในบ้านไร้โรคภัยไข้เจ็บ เป็นสิริมงคลให้กับผู้ที่อยู่ในบ้าน
ในปัจจุบันนี้ กระแสสรรพคุณของ “กระชาย” ถือเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้กระชายเป็นหนึ่งในสมุนไพร 5 ตัว ที่เป็นโปรดักส์เบอร์หนึ่งของไทยอีกด้วย จนมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพรเจ้ากระชายนี้กันเพิ่มมากขึ้น  จึงทำให้เราได้เห็นผู้ประกอบการหลากหลายเจ้าได้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปกระชาย ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ชาชง ยาแคปซูล ยาน้ำ ยาเม็ด กาแฟ และไวน์กระชายดำ ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่เราได้เห็นวางจำหน่ายกันในท้องตลาดมากมายขณะนี้ 
ด้วยกระแสสรรพคุณชั้นเลิศของกระชายดำนี่เอง นายสงคราม  จันทครอบ” อดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี  ได้มาพูดคุยเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของการปลูกพืชกระชายและนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มกระชายภายใต้ชื่อแบรนด์ “ป้าเข็ม” กับทางทีมงาน “สยามธุรกิจ” ว่า  หลังจากตนเองเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านแล้ว ก็เลยคิดว่าจะหันหน้ามาทำเกษตร แต่ก็ต้องมีการทดลองดูว่าเกษตรที่เราจะทำนั้น จะเป็นแบบไหน และมีคุณภาพและดีอย่างไร  เนื่องจากตนเองก็ไม่ได้จบด้านเกษตรมาโดยตรงจึงจำเป็นต้องอาศัยวิธีการศึกษาแบบ “ครูพัก ลักจำ” จนได้จับพลัดจับพลูจนมาลงเอ่ยที่การปลูกกระชาย
ช่วงที่ผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน เราต้องสนองนโยบายรัฐบาลคือต้องจัดทำโครงการ OTOP ขึ้นมา เพื่อดูแลชุมชน ให้มีอาชีพ ซึ่งผมก็ลองมองดูแล้วว่าในหมู่บ้านของเรานั้นมี 200 กว่าครัวเรือน มีประชากร 9,000พันกว่าคน  โดยอาชีพหลัก 80% จะทำงานรับจ้างกับบริษัท และจากโรงงานต่างๆ ที่อยู่บริเวณนี้ ซึ่งมีอยู่กว่า 200โรงงาน แต่อีก20% นั้นเป็นคนแก่กับเด็ก และคนแก่นั้นจะมีเวลาว่าง ก็เลยมาทำเกษตร หรือปลูกพืชสมุนไพร และมีปลูกกระชายด้วย และจากการวิจัยต่าง ๆและสรรพคุณมากมายต้องยอมรับว่า กระชาย ถือเป็นสมุนไพรชั้นดี ที่ใคร ๆ ก็ทราบว่ามีประโยชน์มากมาย คนแก่คนเฒ่าจึงนิยมปลูกกัน และที่สำคัญยังสามารถสร้างรายได้ให้คนแก่ที่อยู่บ้านเฉยๆ ได้อีกทางหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องรอลูกหลานส่งเงินมาให้เพียงอย่างเดียว เพราะสามารถขายได้กิโลกรัมละ 60 บาท ด้วยเหตุเราจึงได้นำมาปรับปรุงใช้และลงมือทำการปลูกกระชายอย่างจริงจัง”
ทั้งนี้  หลังจากได้ทำการศึกษาจากชาวบ้านแล้ว ก็ได้เริ่มดำเนินปลูกกระชายเมื่อปี 2551 และก่อนจะเริ่มก็มีหลายโครงการให้ทำ เช่น การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และก็กระชายด้วย ซึ่งการปลูกกระชายนั้น ในช่วงแรกนั้นเราจะใช้ปุ๋ยอินทรีย์มาโดยตลอด และก็มีบ้างที่ศึกษาเรื่องปุ๋ยเคมี เพราะต้องการทราบว่า จะมีผลกระทบร้ายแรงหรือไม่ ทำให้ดินเสีย ดินทรุดหรือเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับว่า ได้ผลผลิตงามจริงแต่แค่ช่วงเวลานิดเดียวก็เน่าแล้ว เพราะกระชายจะมีศัตรูคือเป็นเชื้อรา ถ้านำมาแช่เพียง 3 วันก็จะเน่าเลย
สำหรับดินที่เราทำอยู่จะเป็นดินทราย เพราะติดแม่น้ำป่าสัก และดินปนทรายนี้ ถ้าฝนตกก็จะละลายไม่เหมาะกับการปลูกกระชาย ต้องพยายามปรับสภาพดิน และช่วงที่ลองผิดลองถูกนี้ ผลผลิตจะออกมาในลักษณะมันเรียว ๆ ยาวๆ เหมือนนิ้วก้อยเลย และบางทีก็ออกมาเหมือนตะเกียบ ไม่มีกลิ่นหอม ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ที่สำคัญช่วงที่เริ่มทำตลาดกระชายตกลงเป็นอย่างมากเหลือเพียงกิโลกรัมละ 17 บาท สูงสุดเพียงแค่ 40 บาท”
นายสงคราม  เล่าต่อว่า  จากนั้นหลังจากที่เราได้รู้จักและเข้าร่วมโครงการเกษตรอินทรีย์กับทางสยามธุรกิจ ก็ได้เริ่มทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งผลที่ได้รับเกินคาดและเห็นถึงความแตกต่างอย่างได้ชัด ทำให้ปัจจุบันลูกค้าจะเรียกกระชายจากแก่งคอยของเราว่า “หัวจัมโบ้” คือ ถ้ากระชายหัวจัมโบ้ ลูกค้ามาเอาหมด โดยสวนของเราถ้าขุดทีจะเป็นหัวจัมโบ้เลยกว่า 200 โล และมีสวนอยู่ทั้งหมดกว่า 7 ไร่ ซึ่งใน 1 ปี จะได้ผลผลิตกว่า 8,000 กิโลกรัม แบ่งเป็นโลละประมาณ 60 บาท โดยเฉลี่ยก็จะมีรายได้ประมาณ 480,000 บาทต่อปี
ช่วงที่เริ่มใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตามแนวทางของสยามธุรกิจจะเห็นถึงความแตกต่างเป็นอย่างมาก จากกระชายที่เรียวๆ ยาวๆ ก็จะกลายเป็นกระชายจัมโบ้ คือจริงๆ แล้ว การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ก็ต้องมีกฎ กติกา คือถ้าใช้ปุ๊ปมันไม่เห็นผลทันตาหรอก มันต้องใช้เวลา แล้วก็ต้องทำตามคำแนะนำของผู้แทนจำหน่ายว่าควรจะฉีด 7วัน และอีกครั้ง 15วัน ถ้าเราทำตรงนี้ได้ตามกติกามันจะได้ผลตามที่เราอยากได้เลยจริง ๆ  ”
อย่างไรก็ตาม  หลังจากที่เราได้ทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตามแนวทางของสยามธุรกิจก็ส่งผลให้ผลผลิตกระชายเราออกมาดีหมด  จึงทำให้เรามีความกล้าที่จะไปขอใบรับรองมาตรฐานกับหน่วยงานที่สำคัญๆ ประกอบด้วย  1.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 2.การจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน 3.มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และ4. OTOP 4 ดาว ซึ่งทั้ง 4  ที่นี้ที่เราไปขอเราก็สามารถขอใบรับรองผ่านหมด
เราได้ไปวิเคราะห์ที่ สสว. ในห้องปฏิบัติการ และได้ใบรับรองมาตรฐานมาด้วย คือเราพยายามทำให้ถูกกฎหมายทั้งหมดให้เค้ารู้ว่าเราผ่านกระบวนการพวกนี้มา ส่วน GGAP คือมาตรฐานของการทำการเกษตรแบบยั่งยืนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากร และผลกระทบต่อสังคม เพื่อที่จะได้ผลผลิตอุปโภคบริโภคที่ปลอดภัย ผลการวิจัยก็ผ่านหมด ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจให้กับกระชายของเรามาก และมันยิ่งส่งผลให้เรามีความมั่นใจในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตามแนวทางของสยามธุรกิจเป็นอย่างมาก”


ที่มา http://www.siamturakij.com



กระชาย "ราชาแห่งสมุนไพร" ปลูกง่าย รายได้งาม

กระชาย "ราชาแห่งสมุนไพร" ปลูกง่าย รายได้งาม



กระชาย คือ "ราชาแห่งสมุนไพร" สรรพคุณดีเทียบเท่าโสมเกาหลี  ในวงการแพทย์แผนไทย เพราะเป็นพืชสมุนไพรของไทยที่มีสรรพคุณคล้ายกับ “โสมเกาหลี” และยังมีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับโสมด้วยหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่านอกจากกระชายจะเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณกระตุ้นความเป็นชาย ยังมีสรรพคุณดีๆ อีกมากมาย ที่อยากให้ลอง เพราะกระชายอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ทั้ง วิตามินบี และวิตามินบี 12 และที่กระชายมีสรรพคุณทางยาก็เพราะว่ามีสารเคอร์คูมิน ที่ช่วยในการต้านการอักเสบ และยังไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้อีกด้วย
นอกจากความโดดเด่นเรื่องสรรพคุณที่เหมือนกับโสมแล้ว กระชายยังจัดว่าเป็น “พืชมงคล” เนื่องจากสมัยโบราณหมอยาจะนำกระชายมารักษาคนเฒ่าคนแก่แล้วหายดีเป็นปลิดทิ้ง กระชายจึงถือเป็นพืชสมุนไพรมงคลที่เชื่อว่านำมาปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยปัดเป่าโรค ทำให้คนในบ้านไร้โรคภัยไข้เจ็บ เป็นสิริมงคลให้กับผู้ที่อยู่ในบ้าน
ในปัจจุบันนี้ กระแสสรรพคุณของ “กระชาย” ถือเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้กระชายเป็นหนึ่งในสมุนไพร 5 ตัว ที่เป็นโปรดักส์เบอร์หนึ่งของไทยอีกด้วย จนมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพรเจ้ากระชายนี้กันเพิ่มมากขึ้น  จึงทำให้เราได้เห็นผู้ประกอบการหลากหลายเจ้าได้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปกระชาย ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ชาชง ยาแคปซูล ยาน้ำ ยาเม็ด กาแฟ และไวน์กระชายดำ ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่เราได้เห็นวางจำหน่ายกันในท้องตลาดมากมายขณะนี้ 
ด้วยกระแสสรรพคุณชั้นเลิศของกระชายดำนี่เอง นายสงคราม  จันทครอบ” อดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี  ได้มาพูดคุยเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของการปลูกพืชกระชายและนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มกระชายภายใต้ชื่อแบรนด์ “ป้าเข็ม” กับทางทีมงาน “สยามธุรกิจ” ว่า  หลังจากตนเองเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านแล้ว ก็เลยคิดว่าจะหันหน้ามาทำเกษตร แต่ก็ต้องมีการทดลองดูว่าเกษตรที่เราจะทำนั้น จะเป็นแบบไหน และมีคุณภาพและดีอย่างไร  เนื่องจากตนเองก็ไม่ได้จบด้านเกษตรมาโดยตรงจึงจำเป็นต้องอาศัยวิธีการศึกษาแบบ “ครูพัก ลักจำ” จนได้จับพลัดจับพลูจนมาลงเอ่ยที่การปลูกกระชาย
ช่วงที่ผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน เราต้องสนองนโยบายรัฐบาลคือต้องจัดทำโครงการ OTOP ขึ้นมา เพื่อดูแลชุมชน ให้มีอาชีพ ซึ่งผมก็ลองมองดูแล้วว่าในหมู่บ้านของเรานั้นมี 200 กว่าครัวเรือน มีประชากร 9,000พันกว่าคน  โดยอาชีพหลัก 80% จะทำงานรับจ้างกับบริษัท และจากโรงงานต่างๆ ที่อยู่บริเวณนี้ ซึ่งมีอยู่กว่า 200โรงงาน แต่อีก20% นั้นเป็นคนแก่กับเด็ก และคนแก่นั้นจะมีเวลาว่าง ก็เลยมาทำเกษตร หรือปลูกพืชสมุนไพร และมีปลูกกระชายด้วย และจากการวิจัยต่าง ๆและสรรพคุณมากมายต้องยอมรับว่า กระชาย ถือเป็นสมุนไพรชั้นดี ที่ใคร ๆ ก็ทราบว่ามีประโยชน์มากมาย คนแก่คนเฒ่าจึงนิยมปลูกกัน และที่สำคัญยังสามารถสร้างรายได้ให้คนแก่ที่อยู่บ้านเฉยๆ ได้อีกทางหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องรอลูกหลานส่งเงินมาให้เพียงอย่างเดียว เพราะสามารถขายได้กิโลกรัมละ 60 บาท ด้วยเหตุเราจึงได้นำมาปรับปรุงใช้และลงมือทำการปลูกกระชายอย่างจริงจัง”
ทั้งนี้  หลังจากได้ทำการศึกษาจากชาวบ้านแล้ว ก็ได้เริ่มดำเนินปลูกกระชายเมื่อปี 2551 และก่อนจะเริ่มก็มีหลายโครงการให้ทำ เช่น การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และก็กระชายด้วย ซึ่งการปลูกกระชายนั้น ในช่วงแรกนั้นเราจะใช้ปุ๋ยอินทรีย์มาโดยตลอด และก็มีบ้างที่ศึกษาเรื่องปุ๋ยเคมี เพราะต้องการทราบว่า จะมีผลกระทบร้ายแรงหรือไม่ ทำให้ดินเสีย ดินทรุดหรือเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับว่า ได้ผลผลิตงามจริงแต่แค่ช่วงเวลานิดเดียวก็เน่าแล้ว เพราะกระชายจะมีศัตรูคือเป็นเชื้อรา ถ้านำมาแช่เพียง 3 วันก็จะเน่าเลย
สำหรับดินที่เราทำอยู่จะเป็นดินทราย เพราะติดแม่น้ำป่าสัก และดินปนทรายนี้ ถ้าฝนตกก็จะละลายไม่เหมาะกับการปลูกกระชาย ต้องพยายามปรับสภาพดิน และช่วงที่ลองผิดลองถูกนี้ ผลผลิตจะออกมาในลักษณะมันเรียว ๆ ยาวๆ เหมือนนิ้วก้อยเลย และบางทีก็ออกมาเหมือนตะเกียบ ไม่มีกลิ่นหอม ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ที่สำคัญช่วงที่เริ่มทำตลาดกระชายตกลงเป็นอย่างมากเหลือเพียงกิโลกรัมละ 17 บาท สูงสุดเพียงแค่ 40 บาท”
นายสงคราม  เล่าต่อว่า  จากนั้นหลังจากที่เราได้รู้จักและเข้าร่วมโครงการเกษตรอินทรีย์กับทางสยามธุรกิจ ก็ได้เริ่มทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งผลที่ได้รับเกินคาดและเห็นถึงความแตกต่างอย่างได้ชัด ทำให้ปัจจุบันลูกค้าจะเรียกกระชายจากแก่งคอยของเราว่า “หัวจัมโบ้” คือ ถ้ากระชายหัวจัมโบ้ ลูกค้ามาเอาหมด โดยสวนของเราถ้าขุดทีจะเป็นหัวจัมโบ้เลยกว่า 200 โล และมีสวนอยู่ทั้งหมดกว่า 7 ไร่ ซึ่งใน 1 ปี จะได้ผลผลิตกว่า 8,000 กิโลกรัม แบ่งเป็นโลละประมาณ 60 บาท โดยเฉลี่ยก็จะมีรายได้ประมาณ 480,000 บาทต่อปี
ช่วงที่เริ่มใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตามแนวทางของสยามธุรกิจจะเห็นถึงความแตกต่างเป็นอย่างมาก จากกระชายที่เรียวๆ ยาวๆ ก็จะกลายเป็นกระชายจัมโบ้ คือจริงๆ แล้ว การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ก็ต้องมีกฎ กติกา คือถ้าใช้ปุ๊ปมันไม่เห็นผลทันตาหรอก มันต้องใช้เวลา แล้วก็ต้องทำตามคำแนะนำของผู้แทนจำหน่ายว่าควรจะฉีด 7วัน และอีกครั้ง 15วัน ถ้าเราทำตรงนี้ได้ตามกติกามันจะได้ผลตามที่เราอยากได้เลยจริง ๆ  ”
อย่างไรก็ตาม  หลังจากที่เราได้ทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตามแนวทางของสยามธุรกิจก็ส่งผลให้ผลผลิตกระชายเราออกมาดีหมด  จึงทำให้เรามีความกล้าที่จะไปขอใบรับรองมาตรฐานกับหน่วยงานที่สำคัญๆ ประกอบด้วย  1.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 2.การจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน 3.มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และ4. OTOP 4 ดาว ซึ่งทั้ง 4  ที่นี้ที่เราไปขอเราก็สามารถขอใบรับรองผ่านหมด
เราได้ไปวิเคราะห์ที่ สสว. ในห้องปฏิบัติการ และได้ใบรับรองมาตรฐานมาด้วย คือเราพยายามทำให้ถูกกฎหมายทั้งหมดให้เค้ารู้ว่าเราผ่านกระบวนการพวกนี้มา ส่วน GGAP คือมาตรฐานของการทำการเกษตรแบบยั่งยืนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากร และผลกระทบต่อสังคม เพื่อที่จะได้ผลผลิตอุปโภคบริโภคที่ปลอดภัย ผลการวิจัยก็ผ่านหมด ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจให้กับกระชายของเรามาก และมันยิ่งส่งผลให้เรามีความมั่นใจในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตามแนวทางของสยามธุรกิจเป็นอย่างมาก”


ที่มา http://www.siamturakij.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น